ซื้อขายนักบอล กับ 10 อันดับสโมสรที่ทุ่มทุนเพื่อคว้าตัวนักเตะ
หลังจากรายการแข่งขันฟุตบอลตามลีกต่างๆ ถ้วนต่างๆ ได้กลับมาลงสนามกันอีกครั้งภายใต้การควบคุมโรคระบาดโควิด19 และทุกลีก ทุกถ้วยพยายามจบฤดูกาลที่คั่งค้างไปอยากทุลักทุกเล หลังจากปิดฤดูกาลไปแล้วสิ่งที่ตามมาก็คือการ ซื้อขายนักบอล ซึ่งแม้จะมีเรื่องโรคระบาดโควิด19 เข้ามาเปลี่ยนแปลงวงการธุรกิจกีฬาฟุตบอลมากมายหลากหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นรายได้ที่หดตัวไปอย่างไม่น่าเชื่อ สปอร์นเซอร์ การซื้อขายตั๋วเข้าชม ฯลฯ
แต่สโมสรประเภทเจ้าบุญทุ่มก็ยังมีปรากฎให้เห็นอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง วันนี้เรามาดูสโมสร 10 อันดับแรกที่จ่ายเงินซื้อนักเตะที่มากที่สุดในช่วงเวลาที่ผ่านกัน
ซื้อขายนักบอล ที่น่าสนใจวันนี้ภายใต้ภาวะกดดันจากโรคระบาด
ซื้อขายนักบอล ปกติแล้วจะช่วงเวลาในการซื้อขายนักเตะของแต่ละลีก แต่ละประเทศที่ไม่เหมือนกันเพราะฤดูกาลที่แต่ละลีกปิดตัวลงนั้นจะแตกต่างออกไปตามสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศของแต่ละประเทศส่งผลให้การซื้อและการขายตัวนักเตะข้ามสโมสรในลีกของประเทศเดียวกันสามารถทำได้ง่ายและสะดวกกว่ามาก
แต่ในการซื้อขายนักเตะเพื่อรองรับการฟาดแข้งในฤดูกาลต่อไป 2020-2021 นั้น ช่วงเวลาการซื้อขายได้ขัยบปรับเปลี่ยนไปจากเดิมพอสมควรเพราะได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องโรคระบาดโควิด19 นั้นเอง ทำให้การแข่งขันในฤดูกาลที่ผ่านมาต้องปิดตัวลงช้ากว่าปกติมาก เลื่อนการแข่งขันเกือบ 3 เดือนเลยทีเดียว
สำหรับเอเย่นนักเตะทั้งหลายต่างพากันเสนอให้มีการยืดระยะเวลาของการซื้อขายออกไปจนถึงเดือนมกราคม 2021 เนื่องจากผลกระทบจากโรคระบาด การซื้อข่ายในช่วงเวลาเดิมไม่สามารถปฏิบัติได้ และการกำหนดช่วงเวลาใหม่นั้นสั้นเกินไปสำหรับการเจรจา การกำหนดเวลาปิดตลาดซื้อขายเป็นมกราคมปี 2021 และยกเลิกช่วงเวลาที่เคยแบ่งออกเป็นช่วงซัมเมอร์กับช่วงฤดูหนาวแบบที่เคยปฏิบัติกันมาเสียก่อน จะเป็นผลดีต่อตลาดซื้อขายนักเตะแน่นอน
เช่นในพรีเมียลีกอังกฤษ ที่มีการกำหนดให้การซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์นี้สิ้นสุดลงในวันที่ 5 ตุลาคม 2020 ควรจะเลื่อนออกไปถึงต้นปี 2021 แทนอย่างไรก็ตามทั้งทางฟีฟ่าเองและลีกในประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นลีกในประเทศ ลีกในฝรั่งเศส เห็นว่าการปิดตลาดในวันที่ 5 ตุลาคม 2020 ถือว่าเหมาะสมแล้วเพราะเป็นการขยับช่วงเวลาออกไปตามระยะเวลาที่ถูกระงับการแข่งขันเพราะเหตุโรคระบาดดังกล่าว
อันดับที่ 10 ถึงอันดับที่ 6 สโมสรที่เคยใช้เงินในการซื้อขายนักเตะมากที่สุด
สำหรับการ ซื้อขายนักบอล ในช่วงเวลาการเปิดตลาดที่ผ่านมา แม้จะเป็นการซื้อขายตัวผู้เล่นในช่วงเวลาที่ผิดแปลกออกไปกว่าทุกครั้งและยังต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขใหม่แบบ New Normal มากมายเพื่อป้องกันการเกิดโรคระบาดโควิด19 อย่างไรก็ตามวันนี้เราจะมองย้อนกลับไปและจัดอันดับสโมสรที่เคยใช้เงินในการซื้อขายนักเตะมากที่สุดในช่วงเวลาที่ผ่านๆ มากัน โดยเริ่มต้นที่
- อันดับที่ 10 สโมสรเอซี มิลาน ในปี ค.ศ.2017 ใช้เงินจำนวน 172 ล้านปอนด์เพื่อซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทัพเพิ่มความแข็งแกร่งและลดจุดบอดของทีม โดยผู้จัดการทีมวินเชนโซ่ มอนเตลล่า เริ่มจากการแก้ปัญหาแนวรับด้วยทุ่มเงิน 38 ล้านปอนด์ซื้อเลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ เข้ามาเสริมทัพ
นอกจากนี้ วินเชนโซ่ มอนเตลล่ายังซื้อตัวนักเตะเสริมทัพเข้ามาอีก 3 คนได้แก่อังแดร ซิลวา ในราคา 34 ล้านปอนด์, ฮาคาน คัลฮาโนกลู ในราคา 21 ล้านปอนด์และ อันเดรีย คอนติ ในราคา 22 ล้านปอนด์ และหลังจากเปิดฤดูกาลได้เพียง 3 เดือนวินเชนโซ่ มอนเตลล่า ผู้จัดการทีมถูกปลดออกแบบสายฟ้าแล็ปทันทีเนื่องจากผลงานย่ำแย่ และจบด้วยอันดับ 6 ของฤดูกาลในเซเรีย อา และไม่ได้แชมป์รายการใด ๆ เลย
- ลำดับที่ 9 ตกเป็นของ MANU ทีมสโมสรปีศาจแดง แมนเซสเตอร์ยูไนเต็ด ในปี ค.ศ.2014 ได้จ่ายเงินรวม 174 ล้านปอนด์หลังหลุยส์ ฟาน กัล เข้ามาคุมทีมแทนที่เดวิด มอยส์ ที่สร้างผลงานได้อย่างล้มเหลว
ในซัมเมอร์ปี 2014 กุนซือจอมปรัชญาหลุยส์ ฟาน กัล ใช้เงินในการซื้อนักเตะใหม่เข้ามาเสริมทัพถึง 5 คนประกอบไปด้วย อังเคล ดิ มาเรีย ในราคา 68 ล้านปอนด์ , ลุค ชอว์ ในราคา 34 ล้านปอนด์, อังเดร์ เอร์เรร่า ในราคา 32 ล้านปอนด์, มาร์กอส โรโฮ ในราคา 18 ล้านปอนด์ และสัญญายืมตัว ราดาเมล ฟัลเกา อีกจำนวน 7 ล้านปอนด์แต่สุดท้ายปีศาจแดงยังย่ำแย่เหมือนเดิมจบที่อันดับ 4 ของตารางในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2014-2015 โดยไม่เป็นแชมป์ใดเลย
- อันดับที่ 8 สโมสรสิงห์โตน้ำเงินครามเชลซี ในปี 2017 ใช้เงินเพื่อ ซื้อขายนักบอล ไปถึง 183 ล้านปอนด์ภายหลังจากที่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ ผู้จัดการทีมอันโตนิ โอคอนเต้ ก็ตัดสินใจซื้อผู้เล่นเข้ามาเสริมทัพจำนวน 5 คนเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 183 ล้านปอนด์ได้แก่อัลบาโร่ โมราต้า ในราคา 59 ล้านปอนด์, ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ ในราคา 40 ล้านปอนด์, แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ ในราคา 34 ล้านปอนด์, อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ในราคา 31 ล้านปอนด์ และ ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า ในราคา 19 ล้านปอนด์
- อันดับที่ 7 สโมสรแมนเซสเตอร์ซิตี้ ใช้เงินเพื่อนักเตะในปี ค.ศ.2015 สูงถึง 185 ล้านปอนด์เพื่อทำการเสริมความแข็งแกร่งของทีมโดยกุนซือ มานูเอล เปเยกรินี่ ตัดสินใจซื้อตัวเควิน เดอ บรอยน์ ในราคา 68 ล้านปอนด์, ราฮีม สเตอร์ลิง ในราคา 57 ล้านปอนด์และ นิโคลัส โอตาเมนดี้ ในราคา 40 ล้านปอนด์แต่ก็ไม่เกิดผลดีแต่อย่างใด เรือใบสีฟ้าแมนซิตี้จบที่อันดับ 4 ของตารางและ มานูแอล เปเยกรินี่ ถูกปลดออกทันที
- อันดับที่ 6 สโมสรยักษ์อย่างบาร์เซโลนา หรือบาซ่า ในปี ค.ศ.2017 ใช้เงินจำนวน 194 ล้านปอนด์เพื่อซื้อตัวฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ในราคา 105 ล้านปอนด์ และ อุสมาน เดมเบเล่ ในราคา 89 ล้านปอนด์ ในขณะที่ทางสโมสรบาซ่าร์เองก็ได้ทำการขายเนย์มาร์ ไปให้กับสโมสรเปแอสเช ซึ่งทำให้ความเสียหายที่ซื้อนักเตะใหม่มาร่วมทีมถึง 2 คนในราคาที่แพงมากแต่ใช้งานไม่คุ้มราคาสามารถทดแทนได้จากค่าตัวในการขายเนย์มาร์ออกไป
อันดับที่ 5 ถึงอันดับที่ 1 สโมสรที่เคยใช้เงินในการซื้อขายนักเตะมากที่สุด
ติดตามกันต่อใน 5 อันดับที่เหลือของสโมสรที่ใช้งาน ซื้อขายนักบอล มากที่สุดในช่วงเวลาที่ผ่านมาเพียงไม่กี่ปี ทั้งซื้อมาแล้วประสบความสำเร็จใช้งานได้ดี และซื้อมาแล้วกลับแสดงฝีมือไม่ออก ล้มเหลวไม่เป็นท่าก็มีมากอยู่
- อันดับ5 วนกลับมาที่สโมสรแมนเซสเตอร์ซิตี้ อีกครั้งในปี ค.ศ.2017 ใช้เงินสูงถึง 222 ล้านปอนด์ในการซื้อตัวนักเตะเพื่อนำมาปรับแผนการเล่นของทีมที่ตกต่ำในฤดูกาลแรกที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาคุมทีม โดยในช่วงซัมเมอร์ 2017 สโมสรแทนซิตี้ได้ตกลงซื้อเบนจามิน เมนดี้ ในราคา 52 ล้านปอนด์, ไคล์ วอล์กเกอร์ ในราคา 47 ล้านปอนด์, แบร์นาโด้ ซิลวา ในราคา 45 ล้านปอนด์ และสุดท้ายจบที่ เอแดร์ซอน ในราคา 36 ล้านปอนด์ และก็สัมฤทธิ์ผล สโมสรแทนซิตี้สามารถครองแชมป์ในฤดูกาลนั้นได้ โดยได้ 100 คะแนนเต็ม ไม่เสียแต้มแม้แต่นัดเดียว
- อันดับที่ 4 สโมสรยูเวนตุส ในปี ค.ศ.2018 ใช้เงินจำนวนมากถึง 229 ล้านปอนด์เริ่มด้วยการซื้อตัวซูเปอร์สตาร์ เรอัล มาดริด อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มาร่วมทัพด้วยราคา 105 ล้านปอนด์ ติดตามมาด้วยเจา กานเซโล่ ในราคา 36 ล้านปอน์ และ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ในราคา 32 ล้านปอน์ ซึ่งการเสริมทัพทั้งสามทีมนี้ส่งผลให้จบฤดูกาล 2018-19 ทีมม้าลายสามารถคว้าแชมป์ เซเรีย อา ได้ตามคาดแต่ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทีมม้าลายจบแค่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเท่านั้น
- อันดับที่ 3 สโมสรเรอัล มาดริด ในปี ค.ศ.2009 ใช้เงินจำนวน 230 ล้านปอนด์ด้วยการซื้อตัวคริสเตียโน่ โรนัลโด้ จากสโมสรปีศาจแดงแทนเซวเตอร์ยูไนเต็ดในราคา 85 ล้านปอนด์ นอกจากนี้ยังมีการซื้อตัวนักเตะมาเสริมทัพอีก 3 คนได้แก่กาก้า ในราคา 60 ล้านปอนด์, คาริม เบนเซม่า ในราคา 32 ล้านปอนด์ และ ชาบี อลอนโซ่ ในราคา 31 ล้านปอนด์ แต่กลับผิดคาดเพราะผลงานทั้งลีกในประเทศและถ้วยแชมป์ระหว่างประเทศนั้น จบได้อันดับไม่สวยเลย
- อันดับที่ 2 ตกเป็นของสโมสรเปแอสเช ในปี ค.ศ.2017 ด้วยจำนวนเงิน 252 ล้านปอนด์โดยเริ่มจากค่าตัวจำนวน 198 ล้านปอนด์ที่ยอมจ่ายให้ บาร์เซโลนา เพื่อดึงตัว เนย์มาร์ ไปร่วมทีม นอกจากนี้ค่าธรรมเนียมในการยืมตัว คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ มาจาก โมนาโก ก่อนซื้อขาด และซื้อตัว ยูริ เบร์ชีเช่ ในราคา 14 ล้านปอนด์มาจาก เรอัล โซเซียดาด ทำให้สโมสรรั้งอันดับหนึ่งของลีก เอิง มาตลอด
- อันดับที่ 1 กับสโมสรเรอัล มาดริด ในปี 2019 ด้วยเงินจำนวน 270 ล้านปอนด์ประกอบไปด้วยเอแด็น อาซาร์ ในราคา 103 ล้านปอนด์, ลูก้า โยวิช ในราคา 54 ล้านปนอด์, เอแดร์ มิลิเตา ในราคา 45 ล้านปอนด์, แฟร์กล็องด์ เมนดี้ ในราคา 43 ล้านปอนด์และ โรดรีโก้ ในราคา 40 ล้านปอนด์ ส่งผลให้ฤดูกาล 2019-20 ราชันชุดขาว สามารถคว้าแชมป์ลา ลีกา กลับคืนมาจากบาร์เซโลนาได้สำเร็จ
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเรื่องราวของ 10 อันดับสโมสรที่ผ่านว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ใช้เงินมหาศาลเพื่อทำการ ซื้อขายนักบอล โดยมีจุดประสงค์หลักในการเสริมความแข็งแกร่งของทีมและต้องการคว้าแชมป์ครองถ้วยให้ได้มากที่สุดนั่นเอง
อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้
ข่าวฟุตบอล :: ข่าวฟุตบอลก่อนหน้านี้
เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี